business model : how what who
นิทรรศการขนาดย่อม business model เริ่มวันที่ 29 กันยายน ไปจนถึง 13 ธันวาคม จัดในห้องสมุดของ TCDC เราจะต้องขอเขาเข้าไปในส่วนของห้องสมุด มีการฝากกระเป๋าขนาดเกิน A4 ไว้ด้านนอกก่อน ติดต่อพี่ๆเขาว่าขอเข้าชมนิทรรศการด้านใน จากนั้นเขาจะให้บัตรเข้าห้องสมุด เข้าไปเราจะได้ความรู้เรื่อง business model canvas เพื่อนำไปประยุกต์ใช้สำหรับทำธุรกิจได้เลยคะ อาจจะรวมถึงการนำเสนอนักลงทุนด้วย
โมเดลธุรกิจ : อย่างไร อะไร เพื่อใคร
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-475.png)
เราต้องตอบให้ได้ว่า มีสินค้าและบริการของเราเพื่ออะไร เราจะต้องรู้คุณค่าของผลิตภัณฑ์และบริการของธุรกิจเรา ที่มีต่อลูกค้าหรือผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจในปัจจุบัน การสร้างโมเดลธุรกิจมีการสร้างคุณค่า ส่งต่อคุณค่า และเก็บเกี่ยวคุณค่า เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจของเรา
การวิเคราะห์ SWOT ทำให้เราเข้าใจภาพรวมของธุรกิจที่เราจะทำได้ในระดับหนึ่ง แต่อาจจะเห็นภาพรวมธุรกิจของเรายังไม่ชัดเจนเพียงพอ ในปัจจุบันมีเครื่องมือช่วยเราในการเริ่มต้นธุรกิจมากมาย เช่น
1. Strategy Wheel : พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพื่อแสดงว่าทำอย่างไรกลยุทธ์ของเราจึงจะสำเร็จ ซึ่งตรงกลางคือจุดมุ่งหมาย คือการมีอยู่ของธุรกิจ เราควรเลือกเฉพาะสิ่งที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับธุรกิจจริงๆ
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-477.png)
2. Business Model Canvas : เป็นโมเดลธุรกิจสำเร็จรูปที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยแบ่งองค์ประกอบเป็น 9 ช่อง พร้อมแสดงความสำคัญในการขับเคลื่อนสินค้าและบริการในทุกมิติ
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-478.png)
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-479.png)
3. Value proposition Canvas : พัฒนาโดย Strategyzer เน้นค้นหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ว่าสอดคล้องกับสินค้าและบริการของเราหรือไม่
เราสามารถดาวน์โหลดเทมแพลตมาใช้ได้ http://businessmodelgeneration.com/canvas/vpc>> update จ้า กรอกอีเมลล์ลงไปก่อน แล้ว login ผ่านเว็บ ถึงจะได้ resource เน้อ
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-480.png)
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-481.png)
4. Business Model Block : เป็นโมเดลที่ตอบโจทย์ธุรกิจที่มี revenue stream หลายเส้นทาง หรือมี partner จำนวนมาก บอกความสัมพันธ์ และจำนวนรายได้ที่เกิดขึ้น
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-482.png)
5. Plan Cruncher : เป็นเครื่องมือออนไลน์ ที่ตอบคำถามนักลงทุนในเรื่องต่างๆ ด้วยแบบฟอร์มมาตรฐานเพียงแผ่นเดียว
เราสามารถเข้าไปดูได้ที่ www.plancrucher.com output ที่ได้คือ 1-page summary >> update ตอนนี้เว็บบินไปแล้วจ้าาา
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-483.png)
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-484.png)
6. Lean Canvas : ต่อยอดมาจาก Business Model Canvas สำหรับ startup โดยเฉพาะ ลดบางขั้นตอนและเรื่องที่ยังไม่ชัดเจนแน่ชัดลง อีกทั้งวิเคราะห์เส้นทางความเสี่ยงที่เกิดจากธุรกิจด้วย
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-485.png)
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-486.png)
7. Validation Board : ถูกนำมาใช้คู่กับ Lean Canvas ทดสอบแนวคิดก่อนที่จะนำไปทำธุรกิจจริง ซึ่งเป็นไปตามหลักของ Lean Startup
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-487.png)
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-488.png)
คำถามสำคัญ ที่นักธุรกิจควรหาคำตอบ
"If your company disappeared today, would the world be different tomorrow?"
"ถ้าวันนี้บริษัทของคุณเกิดหายไป พรุ่งนี้โลกจะเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไป?"
ต้องตอบให้ได้ก่อนว่า ธุรกิจของเรามีความสัมพันธ์กับใครบ้าง ส่งผลกระทบต่อใคร มีคุณค่าอย่างไร
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-489.png)
Business Model Canvas
ควรใช้แนวคิด lean startup ที่ไม่สามารถกรอกข้อมูลครบทุกช่องในครั้งเดียว แต่ต้องตั้งสมมุติฐาน ทบทวน และทดสอบคำตอบ ซึ่งเราสามารถตอบคำถามพื้นฐาน 4 ข้อ คือ ทำสินค้าอะไร (what?) เพื่อใคร (Who?) เกิดขึ้นอย่างไร (How?) และคุ้มค่าหรือไม่ (Money?) ที่มาของข้อมูล มาจากหนังสือ business model generator โดยนำข้อมูลที่ได้จากการชมนิทรรศการ มาผนวกกับหนังสือด้วย เพื่อทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-490.png)
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-491.png)
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-492.png)
1. Value Proposition การนำเสนอคุณค่าของสินค้าและบริการ
เริ่มจากปัญหาของผู้ใช้ ว่าสินค้าของเราสามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้หรือไม่ (need) มีความแตกต่างจากท้องตลาดอย่างไร ซึ่งจะสะท้อนถึงคุณค่าของสินค้าและบริการ ในการตัดสินใจซื้อ ถือเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ เช่น
- mass market ตลาดทั่วไป เช่น พวกสินค้าอุปโภคบริโภค
- niche market ตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น เวย์โปรตีน ที่กลุ่มเป้าหมายคือคนที่ออกกำลังกาย- segmented แบ่งกลุ่มลูกค้าเป็นหลายๆกลุ่ม เช่น บัตรเครคิต
- diversified แยกไลน์การผลิต เช่น เถ้าแก่น้อย นอกจากจะทำสาหร่ายทอดแล้ว ยังทำเกาลัค ป็อปคอร์น รวมไปถึงร้านขายขนมด้วย
- multi-sided market มี target group หลายกลุ่ม เช่น wongnai มี user ที่รีวิวอาหารแล้ว ยังมีร้านอาหาร รวมถึงสินค้าต่างๆมาโฆษณาด้วย
ตัวอย่าง : Apple สินค้ามีประสิทธิภาพสูง มีดีไซน์โดดเด่น ใช้งานง่าย
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-493.png)
2. Customer Segment ลูกค้าเป้าหมาย
บอกลักษณะกลุ่มเป้าหมายที่จะมาซื้อสินค้าและบริการของเรา จะต้องตอบโจทย์ปัญหา หรือตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ เช่น ใช้เทคโนโลยีใหม่ ประสิทธิภาพการใช้งาน สามารถปรับแต่งได้ตามใจ ทำให้งานของเขาเสร็จ การใช้งาน การเข้าถึงง่าย ดีไซน์ ราคา แบรนด์ CRM
ตัวอย่าง : Airbnb มีหลากหลาย target group เช่น เจ้าของห้องพัก นักท่องเที่ยวที่หาห้องพักในราคาไม่แพงมาก
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-494.png)
3. Channels ช่องทางในการเข้าถึงลูกค้า
เป็นเส้นทางในการส่งมอบคุณค่าระหว่างธุรกิจไปสู่มือลูกค้า ทั้งการโปรโมต ช่องทางในการจัดจำหน่าย และบริการหลังการขาย มีทั้งช่องทางโดยตรง และทางอ้อม
ตัวอย่าง : Disney นอกจากจะมีภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ ยังมีสวนสนุก รีสอร์ต ร้านขายสินค้าที่ระลึก ไปจนถึงช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไชต์ youtube channel
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-495.png)
4. Customer relationship ความสัมพันธ์กับลูกค้า
มีการสร้างสัมพันธ์กับลูกค้า ในการซื้อสินค้า ให้กลับมาซื้อสินค้าและบริการในครั้งหน้า ไปจนถึงการบอกต่อให้กับคนรู้จัก เช่น การซื้อขายโดยตรงกับลูกค้า การซื้อผ่านผู้ช่วย การบริการตัวเอง ซื้อสินค้าผ่านระบบการบริการ การสื่อสาร
ตัวอย่าง : starbucks มีการใส่ใจในคุณภาพในทุกๆแก้วที่ชง จะต้องมีรสชาติเหมือนเดิมทุกสาขา ลูกค้าสามารถเพิ่มลดส่วนผสมได้ ถ้าลูกค้าไม่เข้าใจเมนูจะอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น แถมยังใจดีด้วย (อันนี้ขอเติมเองคะ บริการเขาดีจริง) มีบัตรเติมเงินเพื่อสะดวกในการซื้อ อีกทั้งสามารถสะสมแต้มรับสิทธิพิเศษ และรับฟังความเห็นของลูกค้าด้วย
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-496.png)
5. Revenue strams กระแสรายได้
กำหนดรูปแบบของช่องทางที่ทำให้เกิดรายได้หลัก และรายได้รอง ให้สอดคล้องกับธุรกิจของเราเช่น การขายผลิตภัณฑ์เป็นชิ้น ขายพื้นที่การใช้งาน การเสียค่ารับสมัครข้อมูล การเช่ายืม ขาย license ค่าธรรมเนียม โฆษณา
ตัวอย่าง : google นอกจากจะได้จำนวนผู้ใช้งานแล้ว ยังสามารถขายโฆษณาได้ด้วย (Google Adwords, Google Adsense, Youtube) และได้รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ เช่น ซื้อพื้นที่ใน Google Drive เพิ่ม เป็นต้น
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-497.png)
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-498.png)
6. Key resource ทรัพยากรหลัก
ถือว่าเป็น asset ของธุรกิจเรา ในการผลิตสินค้าและบริการขึ้นมา โดยแบ่งเป็น
- บุคลากร เช่น ทีมงาน พนักงาน
- เงินและงบประมาณ เช่น เงินสด เงินทุนหมุนเวียน เงินลงทุน
- เครื่องมือและอุปกรณ์ เช่น เครื่องจักร เทคโนโลยี
- สถานที่ เช่น สำนักงาน โรงงาน ร้านค้า
- สิทธิพิเศษในการดำเนินธุรกิจ เช่น ทักษะ ฝีมือ สูตรขิงสินค้า ใบอนุญาติ ใบรับรอง ข้อมูลการค้า ทะเบียนการค้า ชื่อเสียงบริษัท
ตัวอย่าง : AirAsia ใช้เครื่องบินรุ่นเดียว เพื่อให้ง่ายต่อการบำรุงรักษา มีพนักงานบนเครื่องบินจะมีนักบิน air hoster ส่วนสนับสนุนอื่นๆนอกเครื่องบิน จะมีส่วนช่างซ่อม พนักงานปฎิบัติการ เป็นต้น รวมไปถึงแพลตฟอร์มระบบการซื้อตั๋วเครื่องบินและจ่ายเงินผ่าน internet เหล่านี้คือทรัพยากรหลักของบริษัท
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-499.png)
7. Key activity กิจกรรมหลัก
กำหนดขั้นตอนของกิจกรรมหลักเพื่อสร้างความเข้าใจ และส่งเสริมให้เกิดคุณค่า เพื่อให้บรรลุ goal ขององค์กรที่ตั้งไว้ เช่น การผลิต การแก้ไขปัญหา แพลตฟอร์มหรือเครือข่าย
ตัวอย่าง : Uber สร้างแพลตฟอร์มการสื่อสารระหว่างคนขับรถและผู้โดยสาร รวมไปถึงการจัดการเครือข่ายด้วย
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-500.png)
8. Key partner พันธมิตรหลัก
startup มักจะเริ่มต้นด้วยสิ่งที่ทำได้ด้วยตัวเองก่อน แต่ธุรกิจไม่สามารถดำเนินโดยลำพังได้ จะต้องมี partner มาช่วย ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ ลดค่าใช้จ่าย และช่วยลดความเสี่ยง อีกทั้งยังช่วยเติมเต็มความต้องการของลูกค้าด้วย บางครั้งอาจจะพิจารณารวมไปถึงคู่แข่งด้วย เพื่อพัฒนาความสามารถของธุรกิจในอนาคต
ตัวอย่าง : Amazon มี partner คือ สำนักพิมพ์ บริษัทคู่ค่าที่ช่วยจัดหาของให้อเมซอน เครือข่ายของผู้ที่มาขายของในอเมซอน
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-501.png)
9. Cost structure โครงสร้างต้นทุน
ทุกธุรกิจมีต้นทุนเพื่อช่วยทำให้ธุรกิจเดินหน้าไปได้ แบ่งออกเป็น
- ต้นทุนคงที่ เช่น เงินเดือนพนักงาน ค่าเช่าออฟฟิค
- ต้นทุนผันแปร เช่น ค่านํ้า ค่าไฟ
- ต้นทุนด้านการตลาด
- ต้นทุนซึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ถ้าเราควบคุมต้นทุนได้ดี จะทำให้ได้กำไรมากขึ้น แต่เราไม่ควรกังวลเรื่องต้นทุนมากเกินไป ควรใส่ใจในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด
ตัวอย่าง : Ikea มีต้นทุนในการผลิตสินค้า ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า ค่าใช้จ่ายด้านสินค้าและบริการ ค่าจ้างพนักงาน ค่าเช่าพื้นที่ ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายทางการตลาด
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-502.png)
ตัวอย่างการทำ business model canvas ของฟังใจ กับ ปลูกปั่น ภาพไม่ชัดนิดนึง เพราะตั้งตรงผนังที่มืด ทางเข้าห้องนํ้าพอดี
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-503.png)
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-504.png)
ตัวอย่างธุรกิจที่ใช้ business model canvas คือ ชานมไข่มุก ที่ประเทศอินโดนีเซีย (จริงๆมองของไทยก็ได้ ต้องมีบัตรสะสมแสตมป์ ครบ 10 ดวง แลกได้แก้วนึง มีเรื่อง brand royally ด้วย)
![](https://www.mikkipastel.com/content/images/2020/02/image-505.png)
เราก็ได้แนวคิดเกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจกันไปแล้ว ซึ่งเราสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้ โดยเฉพาะ startup ในการทำ business model สามารถเอาไปนำเสนอต่อนักลงทุนได้ เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น สามารถดาวน์โหลดไฟล์เทมแพลต business model canvas ขนาด poster ได้ที่เว็บของหนังสือคะ อีกทั้งเราสามารถซื้อ web app ของตัวนี้ได้ด้วย ราคาสูงทีเดียว >> update ไปที่เว็บเขา ได้ resource กับเรียน online ได้ฟรีนะ
ปล จากหนังสือ เขาเปรียบเทียบ business model canvas กับสมอง สมองซีกซ้ายเป็นด้านเหตุผล สมองซีกขวาเป็นด้านเหตุผล เมื่อเอาแผ่นนี้มาพับครึ่ง ครึ่งซ้ายจะเป็นประสิทธิภาพ ซีกขวาจะเป็นคุณค่า
สำหรับวันนี้คงได้ความรู้ในการทำ business model canvas กันไปมากมายทีเดียว ตอนหน้าจะเป็นอะไรติดตามชมนะคะ